วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แนวทางการพิจารณาและตีความ "สื่อลามก" ในกรณีของภาพยนตร์และวีดิทัศน์




การควบคุมสื่อภาพยนตร์  ตาม พรบ ภาพยนตร์  :   กรณี ลามกอนาจาร


by  คณาธิป  ทองรวีวงศ์ www.thaiprivacylaw.com


การตรวจพิจารณาสื่อภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตาม พรบ ภาพยนตร์ จากที่เคยกล่าวมาในบทความก่อนหน้าแล้วนั้น

มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1.               กฎหมายหลัก คือ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551
2.               กฎกระทรวง  กำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์พ.ศ. 2552  ลงวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552 
3.               ประกาศคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การตรวจพิจารณาภาพยนตร์และสื่อโฆษณา  พศ 2552) 
จะได้อธิบายกฎหมายดังกล่าว ในส่วนของ เนื้อหาข้อมูลที่เป็น ลามกอนาจารต่อไปนี้
สำหรับ กฎกระทรวง  กำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์พ.ศ. 2552  ลงวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552   ซึ่งเรียกง่ายๆว่า กฎกระทรวงในการจัด rating ภาพยนตร์ ตามช่วงอายุผู้ชม   นั้น  ได้มีการวางเกณฑ์ของภาพยนตร์สำหรับแต่ละกลุ่มอายุ  โดยมีลักษณะของสื่อลามกอนาจาร  อยู่ในเกณฑ์การพิจารณาด้วย เช่น

ข้อ 3  ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบสามปีขึ้นไป ต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
.....เนื้อหาที่แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร
ข้อ 4  ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป ต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
....... (2) เนื้อหาที่แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร
ข้อ 5  ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีขึ้นไป ต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
....เนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศ

จะสังเกตว่า กลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป   สื่อที่ต้องห้ามจะไม่ใช้คำ ลามกอนาจาร แต่จะใช้คำชัดเจนลงไปว่า เป็นการแสดงการมีเพศสัมพันธ์ และต้องเป็นกรณีที่เห็นอวัยวะเพศด้วย


สำหรับลามกอนาจารนั้น พรบ นี้มิได้นิยามความหมายไว้ ก็ต้องไปพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งก็ไม่ได้นิยามความหมายไว้อีก   แต่มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินตามประมวลกฎหมายอาญาโดยเฉพาะการเผยแพร่สิ่งลามก มาตรา 287  ได้วางหลักของ ลามกอนาจารไว้ ดังจะยกมาให้เห็นเป็นตัวอย่างดังจะกล่าวต่อไป


สำหรับหลักการ ตรวจพิจารณาภาพยนตร์   ตาม ประกาศคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การตรวจพิจารณาภาพยนตร์และสื่อโฆษณา  พศ 2552 นั้นได้มีการ วางเกณฑ์การพิจารณาเนื้อหาภาพยนตร์ว่า เนื้ออหาอย่างไรจะไม่อนุญาต
สำหรับใน ส่วนที่เกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน  ที่เกิดขึ้นโดยมากมักจะเป็นกรณีภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ทางเพศ  ซึ่งในการนี้ กฎหมายเกี่่ยวกับภาพยนตร์ ไม่ได้กำหนดแนวทางการตีความไว้  ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ซึ่ง  โดยทั่วไปแล้ว คณะกรรมการก็จะพิจารณาจากกฎหมายอื่นในระบบของกฎหหมายไทยที่มีการตีความคำว่า สื่อลามกอนาจาร  โดยเฉพาะ ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีความผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่วัตถุลามก  (ปอ 287)
จากหลักกฎหมายดังกล่าว จะเห็นได้ว่า  สื่อภาพยนตร์ที่มีปัญหาในการตีความคือ ลามกอนาจาร  ทั้งในกรณีที่กฎหมายระบุคำว่า ลามกอนาจาร ไว้โดยตรง และกรณีการตีความสื่อลามก ว่าอยู่ในความหมายของสื่อภาพยนตร์ที่ขัดต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีด้วย  
สำหรับ  คำอธิบายและการตีความ สื่อลามกอนาจาร นั้น กฎหมายฉบับหลักคือ  พรบ ภาพยนตร์ นี้มิได้นิยามความหมายไว้ ก็ต้องไปพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งก็ไม่ได้นิยามความหมายไว้อีก   แต่มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินตามประมวลกฎหมายอาญาโดยเฉพาะการเผยแพร่สิ่งลามก มาตรา 287  ได้วางหลักของ ลามกอนาจารไว้ ดังจะยกมาให้เห็นเป็นตัวอย่างดังจะกล่าวต่อไป







คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2136/2531
สำหรับ ข้อที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษนั้นเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีภาพสีลามกร่วมเพศ กับหนังสือภาพลามกร่วมเพศไว้ในความครอบครองเพื่อประโยชน์ในทาง การค้านับว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างหนึ่งโดยเฉพาะบรรดาเยาวชน ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจเปลี่ยนโทษจำคุก 1 เดือนเป็นกักขังนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

Comment : คดีนี้สื่อลามก เป็น ภาพสื่อสิ่งพิมพ์  (Print media)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  7416/2537
การที่จำเลยมีไว้ซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์อันลามกในการประกอบธุรกิจให้เช่า แลกเปลี่ยนและจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ย่อมเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์พ.ศ. 2530 มาตรา 6,34 อยู่ในตัว มิใช่ความผิดที่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 19 ปีเศษ เป็นชาวต่างจังหวัดเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างในกรุงเทพมหานครและเรียนหนังสือ เป็นนักศึกษานอกโรงเรียนสามัญ ย่อมมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจึงยังไม่มีเหตุอันควรที่จะลดมาตราส่วนโทษให้ แต่จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนมีเหตุอันควรที่จะรอการลงโทษ เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีจะได้ศึกษาเล่าเรียนต่อไป โดยต้องวางโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วยเพื่อให้หลาบจำ


 Comment : คดีนี้เกี่ยวข้องกับสื่อวีดิทัศน์ที่ลามก   แต่เป็นคดีเกิดก่อน พรบ ภาพยนตร์ฯ 2551    จะสังเกตว่า ศาลพิจารณา ลามก ตามกฎหมายอาญา 287  


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6301/2533
   ภาพ พิมพ์ของกลางเป็นภาพหญิงสาวซึ่งมีบางภาพเปิดเผยเต้านมอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนที่อวัยวะเพศแม้จะมีผ้าอาภรณ์ปกปิดไว้ แต่ก็ปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ ซึ่งนอกจากจะอยู่ในอิริยาบทที่ไม่เรียบร้อยไม่น่าดูแล้ว ยังอยู่ในอิริยาบทที่น่าเกลียดน่าบัดสีอีกด้วยกล่าวคือ มีบางภาพอยู่ในอิริยาบทนอนก็นอนหงายถ่างขาออกอย่างกว้างทำนองเจตนาเพื่ออวด อวัยวะเพศอย่างเด่นชัด ส่วนภาพที่อยู่ในอิริยาบทนั่งก็นั่งถ่างขาออกแม้จะมีผ้าปกปิดอวัยวะเพศก็ เป็นผ้าบางใส ซึ่งแสดงว่าต้องการอวดอวัยวะเพศเช่นเดียวกับภาพในอิริยาบทนอนดังกล่าว จึงเป็นภาพที่มีเจตนายั่วยุให้บังเกิดความใคร่ทางกามารมณ์โดยตรง ถือเป็นภาพลามกตามความหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287(1). การบังคับค่าปรับเอาแก่นิติบุคคลนั้น จะกักขังแทนค่าปรับไม่ได้

Comment            :   แม้มีเสื้อผ้าหรือสิ่งปกปิดอวัยวะเพศ  แต่หากปิดไว้อย่าง หมิ่นเหม่ศาลก็ถือว่าเป็นลามก  ปัญหาว่า อย่างไร หมิ่นเหม่ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง case by case

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2128/2533
ฟิล์มภาพยนตร์ของกลางที่เจ้าพนักงานยึดได้จากห้องฉายภาพยนตร์ อันเป็นฟิล์มภาพยนตร์ที่แสดงออกถึงความสัมพันธ์ทางเพศตามที่ปรากฏในรายงาน การตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.10 นั้นเป็นหลักฐานยืนยันให้เห็นเป็นการแน่นอนอีกชั้นหนึ่ง จึงเชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่าภาพยนตร์ที่จำเลยทั้งสามร่วมกันมีและนำออกฉาย นั้น เป็นภาพยนตร์ลามกอนาจาร


Comment:   เนื้อหาแสดงถึงความสัมพันธ์ทางเพศ  เป็นแนวทางที่ศาลพิจารณาว่า ลามก


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1552/2546
จำเลยทำให้เผยแพร่โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย เสนอจำหน่ายแผ่นวิดีโอซีดี ซึ่งบันทึกภาพและเสียงอันลามกโดยปรากฏภาพการร่วมเพศระหว่างชายหญิงจำนวน 56 แผ่น   ศาล ทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287  และมีคำพิพากษาเกี่ยวกับของกลางว่า ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนสิ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบนั้น ไม่ชัดเจนว่าของกลางใดที่ให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนแผ่นซีดีภาพยนตร์ลามกเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันควรริบ ไม่ใช่สิ่งที่ใช้ในการกระทำความผิดแต่อย่างใด จึงสมควรแก้ไขให้ถูกต้องด้วย ดังนั้น ศาลฎีกาพิพากษาแก้เฉพาะส่วนซีดีภาพยนตร์ลามก 56 แผ่น อันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) นั้น ให้ริบ

Comment :  คำพิพากษานี้ ตัดสินว่า ภาพ+เสียง การร่วมเพศ คือการลามก


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2540/2551
จำเลยทั้งสองร่วมกันมีแถบบันทึกภาพลามก แผ่นซีดีบันทึกภาพลามก หนังสืออันเป็นสิ่งพิมพ์ลามกที่มีภาพชายหญิงเปลือยกายอวดอวัยวะเพศ แสดงการร่วมประเวณี ตลอดจนบรรยายข้อความเป็นเรื่องราวการร่วมเพศระหว่างชายหญิงในลักษณะอันลามก ไว้ในครอบครองเพื่อประสงค์แห่งการค้า

         Comment :  คำพิพากษานี้  เปลือยกาย แม้ไม่ได้ร่วมเพศ ก็ถือว่าลามก


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Comment :

            1. จะเห็นได้ว่า แม้ ตาม พรบ ภาพยนตร์ฯ มิได้กำหนดว่าให้พิจารณาตามเกณฑ์ของกฎหมายอาญาก็ตาม  แต่คณะกรรมการฯ ก็สามารถนำแนวคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว เป็นแนวทางการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ได้  แต่ข้อสังเกตก็คือ บางกรณีคณะกรรมการฯ ก็อาจใช้ดุลพินิจแตกต่างจากแนวฎีกาได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณี ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีนั้นอาจเป็นกรณีสื่อลามก ก็ได้ อาจไม่ถึงขั้นเป็น สื่อลามก ตามแนวฎีกาก็ได้  จึงยังเป็นจุดที่กว้างและยังไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจนตามกฎหมาย



         2. มีประเด็นน่าคิดว่า จำเป็นหรือไม่ ที่ พรบ ภาพยนตร์ ต้องวางเกณฑ์ในการควบคุมสื่อภาพยนตร์ สำหรับกรณี สื่อลามกอนาจาร   กฎหมายอาจอยู่บนพื้นฐานแนวคิดว่า เนื้อหาสื่อลามก อาจไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลบางจำพวกที่กฎหมายเห็นว่าอาจยังไม่มีวุฒิภาวะหรือวัยวุฒิที่เหมาะสม เช่น เด็กและเยาวชน    แต่หากสื่อภาพยนตร์นั้นมีลักษณะลามก  ก็มีกฎหมายอื่นที่สามารถนำมาปรับใช้อยู่แล้ว เช่น ประมวลกฎหมายอาญา  287  หรือหากเป็นกรณีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ก็มีพรบ การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14  เป็นต้น  ซึ่งกฎหมายเหล่านี้มีมาตรการและบทลงโทษที่ชัดเจนอยู่แล้่ว นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์การวินิจฉัย "ลามก" ตามแนวฎีกาอยู่แล้วด้วย  จึงเป็นข้อวิจารณ์ได้ว่า  พรบฯภาพยนตร์อาจไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาตรวจสอบสื่อลามกในขั้นตอนนี้  เนื่องจากมีมาตรการกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งวางเกณฑ์ค่อนข้างชัดเจนครอบคลุมสื่อลามกอยู่แล้ว



******แหล่งอ้างอิง *******


คณาธิป ทองรวีวงศ์ ศึกษาเปรียบเทียบพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ ศ 2550 กับ กฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาท ในกรณีการหมิ่นประมาททางอินเทอร์เน็ต บทบัณฑิตย์ เล่มที่ 65 ตอน 2 มิถุนายน 2552 หน้า 31-69

คณาธิป ทองรวีวงศ์, กฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสารมวลชน, กรุงเทพ:สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2555

1 ความคิดเห็น: